ที่เที่ยวหน้าฝน ที่ไหนดี เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน การเดินทางก็แสนลำบาก การขับรถก็ลำบากพอสมควร ที่สำคัญท้องฟ้าก็มืดครึ้ม ทำให้ภาพถ่ายที่ได้ไม่สวยเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ว่าการเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนนั้นน่าตื่นเต้นมาก เพราะเราจะได้สัมผัสธรรมชาติในช่วงที่สวยที่สุด การมองซ้ายมองขวาก็สบายตาดี โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปภูเขา ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติ ทิวเขา น้ำตก ซึ่งถือเป็นช่วงไฮซีซั่นได้เลยทีเดียว
วันนี้ผู้เขียนจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนมาฝาก พร้อมกับธรรมชาติที่สวยงามและทิวทัศน์ที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมยอดนิยม เช่น ล่องแพ ตั้งแคมป์ เดินป่า เที่ยวชมเขื่อน ชมทะเลหมอก และสัมผัสความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แต่จะมีสถานที่ไหนบ้างที่ถูกใจคุณ ไปดูกันเลย
ที่เที่ยวหน้าฝน ที่ไหนดี 1. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์
ที่เที่ยวหน้าฝน ที่ไหนดี ใครก็ตามที่บอกว่าภูทับเบิกต้องมาเที่ยวหน้าหนาวเท่านั้นอาจต้องเปลี่ยนใจ เพราะภูทับเบิกสามารถมาเที่ยวช่วงหน้าฝนเพื่อชมทะเลหมอกได้เช่นกัน ภูทับเบิกตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ ด้านหน้าเป็นทิวเขาที่เรียงรายซ้อนกัน มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ป่าไม้เขียวชอุ่มร่มรื่น ท้องฟ้าและขุนเขาถูกปกคลุมด้วยเมฆและหมอกขาว ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักนิยมมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ดังนั้นช่วงหน้าฝนจะมีคนไม่มากนัก ที่สำคัญต้นไม้และหญ้าจะออกดอกสวยงาม ทำให้ได้สัมผัสอีกด้านหนึ่งของภูทับเบิกด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย
2. บ้านอีต่อง เหมืองปิล๊อก จังหวัดกาญจนบุรี
บ้านอีโต้ง หมู่บ้านขึ้นชื่อเรื่องหมอกและฝน เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่รวบรวมประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของคนไทยและพม่าในอดีตเอาไว้ด้วยกัน บริเวณรอบหมู่บ้านรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวที่มีหมอกหนา ทำให้มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี หากใครมาเที่ยวอย่าลืมแวะชมสะพานไม้หน้าหมู่บ้าน ถือเป็นจุดเช็คอินจุดแรกเมื่อมาถึงบ้านอีโต้ง เป็นสะพานที่มีป้ายไม้เขียนข้อความต่างๆ จากนักท่องเที่ยวเรียงรายอยู่ทั่วสะพาน ทุกคนที่มาที่นี่ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก บนสะพานมีจุดชมวิวหมู่บ้านที่สามารถมองเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและบ้านเรือน เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เพราะภายในหมู่บ้านมีตลาดเล็กๆ ร้านอาหาร และร้านค้าที่ให้บรรยากาศแบบสโลว์ไลฟ์มาก
3. แก่งหินเพิง จังหวัดปราจีนบุรี
แก่งหินเพิง เป็นจุดล่องแก่งน้ำเชี่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ในลำธาร ทุกๆ ปี แก่งหินเพิงจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัย เพราะในช่วงฤดูฝนแก่งน้ำจะสวยงาม กิจกรรมยอดนิยมในช่วงฤดูฝน ได้แก่ การล่องแก่งน้ำเชี่ยวและล่องแพยาง แก่งหินเพิงเป็นแก่งน้ำที่มีความยาวระดับ 3-5 ซึ่งมีความยากปานกลางถึงยากมาก ต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการพายเรือเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำเชี่ยวไหลเชี่ยวเป็นระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวจึงสามารถตื่นเต้นและสนุกสนานไปกับการล่องแก่งได้
4. อุทยานแห่งชาติไทรทอง จังหวัดชัยภูมิ
อุทยานแห่งชาติไตรทอง ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดชัยภูมิ เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมทุ่งดอกขิงป่ากันบ่อยๆ เพราะในช่วงฤดูฝน ป่าและหญ้าจะเขียวขจี มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ทำให้ดอกขิงป่าบานสะพรั่ง ภายในอุทยานมีทุ่งดอกขิงป่า หรือที่เรียกกันว่า ทุ่งบัวสวรรค์ ซึ่งเป็นทุ่งกว้างใหญ่มีป่าเต็งรังเขียวขจีและดอกขิงป่าบานสะพรั่งเต็มทุ่ง รายล้อมไปด้วยหมอกขาวสวยงามราวกับภาพวาด นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวหลายจุดตลอดเส้นทางให้เดินเที่ยวชม นอกจากนี้ ภายในอุทยานยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ผาห่มฮอด จุดชมวิวบนหน้าผาสูงชัน เป็นหน้าผารูปแผ่นไม้ยื่นออกไปในอากาศ พื้นที่เบื้องล่างเป็นป่าและชุมชน หลังฝนตกหน้าผาจะปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ ถ้าอยากรู้ว่าน่ากลัวขนาดไหน ต้องลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง และอีกจุดเช็คอินก่อนกลับอย่าลืมแวะน้ำตกไทรทอง น้ำตกขนาดเล็กมีลานหินกว้างทำให้น้ำไหลลงมาสวยงามพร้อมทั้งมีแอ่งน้ำต่างๆ ให้ได้เล่นน้ำคลายร้อนอีกด้วย
5. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่าง 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ของผืนป่าไว้ได้ อีกทั้งยังผสมผสานธรรมชาติกับร่องรอยทางประวัติศาสตร์ในอดีตได้อย่างลงตัว ภายในอุทยานมีน้ำตกที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกหมันแดง ที่มีความสูง 32 ชั้น สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่ชั้น 1-9 ซึ่งมีน้ำไหลตลอดปี จุดเด่นคือดอกลิ้นมังกร ซึ่งจะบานเพียงปีละครั้งในเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ยังมีน้ำตกห้วยขมิ้นน้อย และน้ำตกร่มเกล้า-พระดอนเต้า ที่มีความโดดเด่น ร่มรื่น สวยงามไม่แพ้กัน บริเวณรอบอุทยานเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม และหินรูปร่างแปลกๆ มากมาย เช่น ลานหินแตก ซึ่งเป็นทุ่งหินที่มีรอยแตกร้าวคล้ายรอยแตกร้าวในพื้นดิน บางส่วนแคบ บางส่วนกว้าง สลับกัน พื้นหินปกคลุมไปด้วยมอสและไลเคนต่างๆ สวยงามมาก แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง จุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่งคือ ลานหินปุ่ม ซึ่งเป็นลานหินที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เกิดจากการกัดเซาะของธรรมชาติ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของป่าไม้และภูเขา มีฉากหลังเป็นท้องฟ้ากว้างใหญ่ 360 องศา และมีสายลมเย็นสบาย ทำให้ทิวทัศน์สวยงามและเข้าถึงได้ง่าย ทำให้บริเวณลานหินปุ่มเป็นจุดเช็คอินยอดนิยม
6. เขาช่องลม จังหวัดนครนายก
เขาช่องลม ตั้งอยู่ในเขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีบรรยากาศแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล ต้นน้ำธรรมชาติจากเขาใหญ่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่าน เมื่อถึงฤดูฝน น้ำในเขื่อนจะลดลงและฝนจะตกทำให้เกิดความชื้น ทำให้พื้นที่ธรรมชาติโดยรอบเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี ภูเขา ลำธาร และโขดหินที่สวยงาม จนได้รับฉายาว่า “กรีนแลนด์ไทย” หลายคนที่ได้เห็นความสวยงามนี้ต่างหลงใหล
7. หินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ
หินสามหวาน แหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของจังหวัดบึงกาฬ ถือได้ว่าเป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์และงานศิลปะที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น น่าตื่นตาตื่นใจ บรรยากาศเย็นสบาย มีป่าล้อมรอบไปด้วยถ้ำ หน้าผา และโขดหินรูปร่างแปลกตา โดยเฉพาะหินสามหวาน มีลักษณะเด่น คือ เป็นหินทรายขนาดยักษ์ที่ติดกับหน้าผาสูงชัน แยกออกเป็น 3 ก้อน รูปร่างของหินมีลักษณะคล้ายครอบครัวปลาวาฬ พ่อ แม่ และลูก กำลังเล่นน้ำอยู่ในป่าเขียวขจี ดูน่ารักและอบอุ่น หินสามหวาน เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักมาแต่เช้าเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น บรรยากาศโรแมนติกมาก มีแสงแดดลอดผ่านก้อนเมฆและหมอกบางๆ โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูฝนและฤดูหนาว ธรรมชาติจะอุดมสมบูรณ์สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบด้าน 360 องศา เบื้องล่างจะถูกโอบล้อมด้วยป่าภูวัว และสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงทางตอนเหนือสุดของภาคอีสานได้ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น จุดชมวิวผาน้ำทิพย์ จุดชมวิวสังร้อยโบ และจุดชมวิวถ้ำฤๅษี ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสความงดงามของธรรมชาติได้ในหลายรูปแบบ