ที่เที่ยว บรรยากาศสุดฟินปลายปี 2024 ฤดูหนาวกำลังมาเยือนทุกที่แล้ว เพราะตอนนี้เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงปลายปี 2024 แล้ว เชื่อว่าปลายปีนี้ใครๆ ก็คงมีแพลนจะไปเที่ยวช่วงวันหยุดยาวไปพักผ่อนกับเพื่อนหรือครอบครัวที่เรารักกัน แต่ถ้าหากพูดถึงที่เที่ยวปลายปีแล้วละก็ มีให้เลือกเยอะมากจนเลือกไม่ถูกว่าจะไปที่ไหนดี ดังนั้นบทความนี้จึงขอรวบรวม ‘ที่เที่ยวปลายปี’ มาฝากให้ทุกคนได้วางแผนเที่ยวรับอากาศหนาว ชมทะเลหมอก ชมทิวทัศน์สวยๆ เป็นของขวัญสำหรับการทำงานหนักตลอดปี
ที่เที่ยว บรรยากาศสุดฟินปลายปี 2024 1. ภูทับเบิก
ที่เที่ยว บรรยากาศสุดฟินปลายปี 2024 ภูทับเบิก แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่ใครๆ ก็คิดถึงในช่วงปลายปี เพราะช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ภูทับเบิกจะเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัยที่บานสะพรั่ง ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับดอกซากุระที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนในตอนกลางคืน ท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย จนได้รับฉายาว่า “ดวงดาวบนดิน” ส่วนในช่วงเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมทั่วทั้งภูทับเบิก ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน บรรยากาศจะเย็นสบาย เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์หรือปิ้งย่างบาร์บีคิวกับกลุ่มเพื่อน หรือหากมากับคู่รักก็เหมาะเช่นกัน เพราะบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและโรแมนติกมาก ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปี
2. ดอยเสมอดาว
ดอยเสมอดาวถือเป็นแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวหลายคนต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต ธรรมชาติภายในมีความอุดมสมบูรณ์มากเนื่องจากภูเขานี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่านซึ่งมีป่าไม้ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จึงจะเห็นได้ว่าทั้งต้นไม้และดอกไม้ที่นี่มีความสวยงามเป็นพิเศษ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาที่นี่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีอากาศดีและธรรมชาติที่สวยงามที่สุด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมากางเต็นท์พักแรมเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกพร้อมกับทะเลหมอกที่ลอยเต็มไปหมดบนยอดเขา เรียกได้ว่าเป็นวิวหลักล้านที่แม้แต่คอนโดหรูในเมืองก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้
3. ภูชี้ฟ้า
ในอดีตภูชี้ฟ้าอาจเป็นสมรภูมิรบระหว่างข้าราชการกับคอมมิวนิสต์ แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติทำให้ภูชี้ฟ้ากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาติในปัจจุบัน ภูชี้ฟ้าโดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่สวยงามราวกับภาพวาด มีขุนเขาสูงสลับซับซ้อนที่ทับซ้อนกันอย่างสวยงาม เมื่อยืนบนภูเราจะสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา ในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกและแสงแดดสีทองสาดส่องทั่วบริเวณ ส่วนสภาพอากาศที่ภูชี้ฟ้าจะไม่ร้อน บอกเลยว่าอากาศดีตลอดทั้งปี แต่ถ้าอยากสัมผัสความเย็นสบายสดชื่นต้องมาหน้าหนาว เพราะนอกจากอากาศจะดีแล้วยังมีดอกชบาป่าบานสะพรั่งอีกด้วย สามารถติดต่อขอกางเต็นท์กับทางอุทยานได้
4. ภูลังกา
ภูลังกาเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยและต้องการพิชิตยอดเขา ภูลังกามีความสูงประมาณ 1,700 เมตร ส่วนที่สนุกคือระหว่างการเดินทางขึ้นไปจะได้พบกับดอกไม้และพืชพรรณหายาก เช่น กล้วยไม้สีน้ำตาล สาธารี หรือภูพานสีชมพู ซึ่งทั้งสวยงามและหาชมได้ยาก!! หากโชคดีอาจได้พบสัตว์ป่ามากกว่า 100 ชนิด แม้ว่าการเดินทางอาจต้องใช้ความพยายามบ้าง แต่ถ้ามีโอกาสได้ไปเยือนรับรองว่าจะไม่ผิดหวัง นอกจากนี้หากขึ้นไปจนถึงยอดเขาจะได้พบกับทิวเขาที่ทอดยาว ต้นไม้ และทะเลหมอก
5. ภูกระดึง
ภูกระดึงไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงปลายปีเท่านั้น แต่ยังเป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศอีกด้วย ภูกระดึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นอุทยานแห่งชาติ และยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียนอีกด้วย ดังนั้นในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า พืชพรรณต่างๆ และภูมิอากาศ รับรองได้ว่าสวยงามอย่างแน่นอน การเดินทางอาจจะเหนื่อยนิดหน่อย เพราะระยะทางกว่า 5.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-5 ชั่วโมง แต่รับรองว่าถ้าได้ไปเยือนแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะวิวทิวทัศน์สวยงามมาก!!! นอกจากทะเลหมอกและพระอาทิตย์ยามเช้าที่สวยงามแล้ว ระหว่างทางยังมีสระอโนดาตที่สวยงาม และลานพระศรีนครินทร์ ซึ่งมีพระพุทธรูปให้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย
6. เขาค้อ
เขาค้อ อยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ถ้าเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าไม่ไกลมาก นอกจากนี้ เขาค้อยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย อย่างที่หลายคนคงทราบกันดีว่าทิวทัศน์ของเขาค้อนั้นสวยงามมาก หากพูดถึงทะเลหมอกและวิวภูเขาแล้ว รับรองได้เลยว่าเขาค้อมีความสวยงามไม่แพ้ที่อื่นอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันเนื่องจากเขาค้อมีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่สวยงามมากและมีพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ให้เราได้สักการะ และที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือ ทุ่งดอกเวอร์บีน่าและดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม รับรองว่าจะต้องถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปและโพสต์ลงโซเชียลมีเดียอย่างแน่นอน
7. ภูทอก
ภูทอกเป็นจุดหมายของใครหลายๆ คนที่ต้องการดื่มด่ำกับทะเลหมอกแบบเต็มๆ หากเดินทางในตอนเช้าประมาณ 7-8 โมงเช้า จะสามารถชมวิวแม่น้ำโขงได้เต็มๆ พร้อมความงดงามของหมอกหนาที่ปกคลุมอยู่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มองเห็นหมอกได้เต็มตา ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวคือช่วงปลายปี ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป การเดินทางขึ้นไปไม่ยากเลย เพราะมีรถสองแถวให้บริการ เสียค่ารถเพียง 25 บาท ก็สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทะเลหมอกได้เต็มปอดแล้ว นอกจากนี้ ในบริเวณนั้นยังมีตลาดเช้าให้เดินเล่นซื้อของฝากและอาหารพื้นเมืองกินได้อีกด้วย
8. ม่อนแจ่ม
ม่อนแจ่มน่าจะเป็นชื่อที่ใครๆ ต่างก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี ความนิยมของที่นี่เทียบเคียงได้กับดอยหลวงเชียงและดอยอินทนนท์ เพราะทิวทัศน์ที่นี่ถือว่าสวยงามมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม เพราะเป็นช่วงที่มีหมอกหนาที่สุด อากาศเย็นสบายเหมือนมีเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา นอกจากนี้ ม่อนแจ่มเองยังมีศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยที่ปลูกพืชและผลไม้สวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ทุกคนควรมาสัมผัส หากใครอยากพักค้างคืนก็สามารถกางเต็นท์หรือห้องพักบริเวณใกล้เคียงได้ซึ่งสะดวกมาก